“สิงคโปร์” อีกแล้ว! ไปบ่อยจ๊น ใน blog นี้ ส่วนมากจะเป็นข้อมูลจากทริปเดือนมิถุนายนนะ เพราะของเดือนมกราคมที่ไปกับเพื่อน จำอะไรไม่ค่อยได้เลย ไม่มีสติ ถึงขั้นลืม Passport กับ Powerbank ไว้บนเครื่อง (ขากลับจากสิงคโปร์) ?
เริ่มด้วยอินเตอร์เน็ต ….
อิฟกับพี่นัทใช้ Sim2Fly ของ AIS ที่เคยใช้มาแล้วค่ะ สมัครโปรฯ 299 บาท ได้ 4 GB / 8 Days
ส่วนของน้อง ซื้อซิมของ M1 ได้ 100GB / 5Days ให้ใช้ ราคา 15$ แนะนำให้ซื้อที่ร้านสะดวกซื้อพวก Cheers / 7-11 เพราะถ้าตามร้านตู้เขาคิด 18-20$ แหนะ เวลาซื้อใช้ Passport คนเดียวซื้อกี่ซิมก็ได้จ้า
จากการใช้งาน น้องบอกว่าเน็ตเร็วดี แต่ถ้าลงไปชั้นใต้ดิน ก็จะเล่นไม่ได้
ตอนแรกเรากะว่าจะปล่อยสัญญาณ Pocket Wifi แล้วใช้ Wifi Calling ในการโทร เพราะพี่นัทต้องรับสายลูกค้า ปรากฎว่ามันทำไม่ได้ ทดสอบจากไทยมาแล้วนะ เลยโทรถาม Call center หาวิธีต่างๆก็ยังทำไม่ได้ ก็เลยต้องให้เขาโอนสายจากเบอร์หลัก เข้า Sim2Fly คิดค่ารับสายนาทีละ 9 บาท
ปล.1 ลูกค้า AIS Serenade โทรเข้าเบอร์ Call centerจากต่างประเทศ ฟรี !
ปล.2 ถ้ากดโอนสายที่ต่างประเทศ ระบบจะคิดค่าโทรตามประเทศนั้นๆ ให้ Call center ทำให้ดีกว่า
มาดูตั๋วเครื่องบินกันบ้าง ….
เราเดินทางวันที่ 1-4 Jun 2017 ครั้งนี้ไปกัน 3 คน (พี่นัท อิฟ น้องเล็ก) ได้นั่งสายการบินประจำชาติ Singapore Airline เพราะมีโปรฯจองตรงกับเว็บหลักเลย และได้นอนโรงแรมดี เพราะน้องไปด้วย น้าจ่าย อิอิอิอิ
เราจองตั๋ววันที่ 31 Mar ไป-กลับ ในราคาคนละ 5,365 บาท ฟรี!น้ำหนักกระเป๋า30กิโลกรัม และฟรี!เลือกที่นั่ง ตอนนั้นเปรียบเทียบกับ AirAsia แล้วราคาต่างกันหนึ่งพันนิดๆ
ไฟล์ทขาไป 09.40 น. > 13.05 น. ไฟล์ทขากลับ 18.35 น. > 20.00 น. /// เวลาดี
เช็คอินล่วงหน้าได้ 48 ชม. และจะมีอีเมลจากสายการบินส่งมาแจ้งให้เช็คอินล่วงหน้า
พอไปถึงสนามบินสุวรรณภูมิ ก็แค่ไปออก Boarding Pass และโหลดกระเป๋าได้ที่เคาท์เตอร์สายการบิน ซึ่ง Singapore Airline จะอยู่ที่ Row K
Gate ก็ใกล้สุดๆ D7 คือผ่านช่องตรวจ passport มา เลี้ยวขวาก็ถึงเลย
บัตรที่นั่งเรา Zone 4 ได้ขึ้นเครื่องก่อนใคร ที่หน้าประตูทางเข้ามี หูฟัง กับ หนังสือพิมพ์ แจกไว้ไปอ่านบนเครื่อง
ขาไปได้เครื่อง Boeing 777 สักอย่าง เบาะ 2-4-2 สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ปลั๊กก็ Fast Charge นะเหว๋ย สีเบาะก็สวย กว้าง หมอนก็นุ่ม นั่ง 2 ชม. สบายโคตร ประทับใจ ?
ในส่วนของอาหารบนเครื่อง คุยกับแอร์นานนิดนึงเพราะฟังชื่อเมนูไม่รู้เรื่อง 555555 แต่ อร่อย !!!!!
อันแรกนี้เป็นของน้องเล็ก ที่เห็นเป็นทรงลูกเต๋านั้นคือ เต้าหู้ อร่อยนะ อารมณ์ผัดไทแหละ ของหวานก็จะเป็นเค้กเผือก
อันนี้ของเรา เป็นออมเล็ท+ไส้กรอกไก่+มันบด(ป่ะวะ)+เห็ด อร่อยยยยๆ เสิร์ฟพร้อมซอสพริก (ในรูปข้างบน)
มาถึงสิงคโปร์แล้ว~ ซื้อบัตร EZ-link ใบละ 12$ (ค่าบัตร 5$ + ค่าโดยสาร 7$) ที่ห้องขายตั๋ว อยู่ก่อนประตูเข้าชานชาลาเลยนะ บัตรนี้มีอายุ 5 ปี ถ้าเรารีฟันเงินคืนแล้วบัตรก็จะหมดอายุไปเลย มั้ง
ของเดือนมิถุนายนนี้ได้ลายซุเปอร์ฮีโร่จากค่าย DC ส่วนใบตรงสีแดงนั้นได้มาตั้งแต่เดือนมกราคม แต่ตอนนี้ทำหายไปแล้วค่ะ ?
มาดูโรงแรมกันบ้าง V hotel lavender ….
ทำเลดี อยู่บนสถานี Lavender เลย มีสระว่ายน้ำด้วย เหมาะกับการพักผ่อนมาก
ด้านล่างมีร้านอาหารเพียบ ทั้ง Kopitiam Food Court 24 hr., McDonald, ร้านสะดวกซื้อ Cheers
ที่ตึกด้านหลังก็มีร้านอาหารเช้า Toast Box, ร้านอาหารไทย, 7-11 ก็มี เอาเป็นว่านอนนี่ไม่อดตาย หากินง่ายมาก
เราจอง 1 ห้อง / 3 คืน / ห้อง 3 คน ผ่านแอป Traveloga ได้มาในราคา 12,580.37 บาท จ่ายเป็นเงินไทย ตัดผ่าน Internet Banking เลย ไม่มีค่าธรรมเนียม แถมบางครั้งยังมีส่วนลดให้อีกนะ
เดินทางก็ง่าย ได้ทั้ง MRT และ Bus ป้ายรถเมล์อยู่ฝั่งตรงข้ามโรงแรม แค่เดินลอดสถานีมาออกอีกฝั่งนึงก็ถึงแล้ว อย่างเช่น จะไป ChinaTown ก็นั่งสาย 2, 12, 33 ต่อเดียวถึง
ห้องพักถือว่ากว้างเลยล่ะ ทั้งเป็นห้องที่มีวิวกว้างเลยดูไม่อึดอัด สมราคามากจ้า เตียงนุ่ม ผ้าห่มหนา ดูดวิญญาณโคตร ตื่นสายทุกวัน
ในส่วนของห้องน้ำ สะดวกสบายไร้สายฉีดตูดเหมือนเดิม ?
สำหรับรหัส Wifi ให้เปิดทีวีก่อน แล้วมันจะโชว์ที่มุมขวา นี่ก็เชยโทรถามรีเซปชั่น เราจะไม่เด๋ออีกต่อไป!
โรงแรมนี้ น่าจะเป็นวิวเมืองทุกห้องนะ กระจกบานใหญ่ล้วน
อีกอย่างนึง ที่โรงแรมมีมือถือให้เราสามารถพกออกไปใช้นอกโรงแรมได้ แต่เขาฝัง UI มาให้เป็นหน้าของโรงแรม มีอินเตอร์เน็ตให้ใช้ฟรีพร้อม แต่ถ้าจะโหลดแอปเพิ่มต้องล็อกอิน Gmail ก่อน แบตทนด้วยนะ
แต่เราก็สามารถใช้แอปของ Google ที่ติดมากับเครื่องได้ เช่น Chrome, Google map, Google Translate (ไม่มีแป้นพิมพ์ไทยเด้อ)
DAY 1 |
เก็บกระเป๋าไว้ที่โรงแรมแล้ว เราจะไปซื้อตั๋วต่างๆกัน โดยขึ้นรถบัสที่ป้ายตรงข้ามโรงแรม มาลงที่ห้าง ChinaTown Point ลองนั่งรถบัส 2 ชั้น ชมวิว
ลงรถเมล์แล้ว ข้ามสะพานลอยที่เชื่อมห้าง Chinatown Point มาที่ห้าง People’s Park Centre ก็จะเห็นตึกนี้ น่าจะเป็นโรงแรมนะ ชื่อ Park Royal
ไปชั้นบนสุด ซื้อตั๋วที่ร้าน Sea Wheel พนักงานพูดไทยได้ สบายเลยตู
(อัพเดท 1/6/2017) ราคาบัตร Universal Studio Singapore อยู่ที่ 62$
ปล. ตั๋ว Singapore Flyer ไม่มีขายที่เอเจ้นท์แล้วนะ ต้องซื้อที่หน้างานเท่านั้น !
Mei Heong Yuen Dessert ร้านของหวานชื่อดัง อยู่ที่ Temple St. สองจานนี้ 9$ ก็อร่อยดีนะ สดชื่นดี
จากนั้นก็เดินเล่นไปที่ วัดพระเขี้ยวแก้ว, Sri Mariammam Temple (วัดแขก) แล้วก็เดินเล่นใน Chinatown Shopping Street
ไปค่ะ ต่อที่ Marina Barrage มันคือสถานที่พักผ่อนหย่อนใจที่ชิลมาก บางคนมาปิ๊กนิ๊ก เล่นว่าว เล่นโดรน อย่างวันที่ไปก็มีคนมาถ่าย Pre-wedding ด้วย
วิธีไป :: นั่ง MRT มาลงที่สถานี Marina Bay Exit B> เดินข้ามถนนไปขึ้นรถเมล์ที่ป้าย Marina Bay Financial Ctr > นั่งรถสาย 400 ไปลงที่ป้าย Marina Barrage ง่ายมากถูกมะ?
ขากลับก็นั่งสาย 400 ที่ป้ายเดิม มาลงที่ป้ายรถเมล์ใกล้กับ Exit B
นั่งพักจนหิว คิดไม่ออกว่าจะกินอะไร แต่เรื่องกินคือเรื่องใหญ่ เราจึงตรงดิ่งไปที่สถานี Somerset และเดินหาโรงแรม Mandarin จะไปกินข้าวมันไก่ร้าน CHATTERBOX ที่เขาว่าแซบ
ร้านนี้เข้าได้หลายทาง เราก็เดินผ่านประตูที่มันเขียนว่า Mandarin/Gallery มาแล้วล่ะ แต่ไม่แน่ใจ มารู้ตอนออกว่ามันเข้าได้ และใกล้ร้านกว่าเข้าด้านหน้าโรงแรมมาก ?
นั่นแหละครับทั่นผู้ชม จัดข้าวมันไก่คนละจาน จานละ 27$ (ไม่รวม Ser 10% GST 7%) บรรลุแล้วข้าวมันไก่สิงคโปร์!! ? มันแซบมาก ให้กินทุกวันก็ได้ น้ำราดไก่มันเนี่ยอร่อยมาก ไก่นุ่มๆ ข้าวมัดๆ เม็ดร่วนๆ เข้ากันสุด อยากกินอีกง่ะ
Tip: จ่ายด้วยบัตร JCB ได้รับส่วนลด 15% เพิ่งรู้ตอนเห็นสลิป …
DAY 2 |
วันนี้ตื่นสายๆ ตอนเที่ยงแวะไปกินข้าวที่ Suntec City และเดินเล่นในห้าง ไปร้าน Xiaomi Home ได้ Powerbank รุ่น Pro มา 1 ก้อน กำลังลดราคาเหลือ 35$ ราคาพอๆกับที่ซื้อจากไต้หวัน
บ่ายแก่ๆเราก็ย้ายก้นกันมาแถว Marina Bay ทิ้งพี่นัทไว้ในห้าง แล้วสองคนพี่น้องก็เดินข้ามสะพาน Helix Bridge เพื่อไปขึ้น Singapore Flyer
ราคาตั๋วตอนนี้อยู่ที่คนละ 33$ คนขึ้นน้อยมาก อาจเพราะเป็นวันธรรมดาด้วย เพลินๆไป ใช้เวลาราวๆ 30 นาที
ไอ้นี่เห็นคนใช้เยอะมาก เหมือนจะชาร์จแบตได้นะ ทำความเร็วได้ดี มีสารพัดยี่ห้อเลย สามารถพับและสะพายบ่าได้ เอาขึ้นรถไฟฟ้าได้ แบกเดินห้างได้ โอ้ยอยากได้ไว้เวลาไปเที่ยวบ้าง ขี้เกียจเดิน 555555
เดินกลับมาที่ The Shopp กินข้าวที่ Food Court แล้วพาน้องไปดู Garden by The Bay ที่จริงลิฟต์ด้านนอกก็มีนะ แต่จะพาขึ้นบันไดเลื่อนสูงๆ อิอิอิอิ (ทางขึ้นอยู่ด้านหลัง Chanel)
ไปทันการแสดงรอบ 19.15 น. พอดี แต่ไม่ค่อยได้ยินเสียงเลย ดูการเล่นไฟที่ต้นไม้ก็ได้
อันนี้คือรูปจากทริปมกราคม เดินลงไปในสวน มืดแล้ว แต่ก็สวยดี
DAY 3 |
เราไปที่สถานี HabourFront (ห้าง Vivo City) เพื่อจะข้ามไปเกาะเซนโตซ่า ก่อนอื่นแวะกินข้าวเช้าตอนสายๆกันก่อน
Toast Box ชั้น 3 ห้าง Vivo City อยู่ชั้นเดียวกับที่จะข้ามไปเกาะเลย ทั้ง 2 เซ็ตนี้ กับไมโลเย็น 1 แก้ว รวมแล้ว 12.2$
ซื้อตั๋ว Sentosa Express เป็นรถไฟฟ้า Monorail พาข้ามไปเกาะเซนโตซ่า คนละ 4$ แต่ถ้าใช้ EZ-link แตะน่าจะได้ 3.5$ มั้ง ลองศึกษาข้อมูลดูจ้า
เนื่องจากเที่ยงแล้ว พระอาทิตย์ตรงหัวพอดี บวกกับอากาศร้อนมาก เราจึงมาลงที่สถานี Beach กันก่อน แต่ร้อนมากบ่ไหวแล่ว
ฝั่ง Siloso Beach นี้จะมีกิจกรรมให้ทำหลายอย่าง เช่นในภาพคือ Skyline Luge ราคาประมาณ 1X$ รวมทั้ง iFly ที่มีลมเป่าๆๆให้เราลอยตลอดเวลา อันนั้นแพงโหด แต่ได้ใบ Cer. ด้วยนะ
นั่ง Sentosa Express กลับมาที่สถานี Water Front เพื่อที่จะเข้า USS
ในรูปเหมือนไม่ร้อนใช่มะ ของจริงนี่แสบขา แสบตามาก มันจะร้อนอะไรขนาดนั้น ต้องหลบแวะเอาแอร์ร้านของฝากทุกโซน
เย็นนี้เราจะไปดูโชว์ที่ Merlion Park กัน เห็นในเฟซบุ๊ก ซอกแซกสิงคโปร์ บอกว่ามีโชว์ใหม่หลังปิดปรับปรุงไปนาน ซึ่งไปดูฝั่งนู้นน่าจะเวิร์คกว่า ?
ภาพจากเลนส์มือหมุนราคา 2,500 บาท มันได้ขนาดนี้เลยทั่นผู้ชม
DAY 4 |
วันสุดท้ายแล้ว ตื่นแต่เช้าที่สุด ไปกิน Tak Po Dimsum ที่ ChinaTown นั่งบัสไปเหมือนเดิม สบ๊าย ~ รวมราคา 38.6$
เสร็จแล้วก็พากันไปช็อปปิ้งที่งาน The PC Show 2017 คล้ายๆงาน Commart บ้านเรา อยู่ในห้าง The Shopp โซน Expo มันก็อยู่ติดๆกันหมด เดินทะลุถึงกันได้
พี่นัทกับน้องเล็ก จัด Samsung Gear S2 มากันคนละ 1 เรือน ลดเหลือ 198$ (จาก 398$) เท่านั้นแหละ บัตรเครดิตสั่นไปหมด พร้อมของแถมที่ให้มานอกเหนือจากในกล่อง ได้แก่ แท่นชาร์จ สายนาฬิกา กระเป๋าคาดเอวสะท้อนแสง(ยังไม่แกะเล่นเลย)
Tip: จากการรูด 2 บัตร พบว่า Visa KBANK คิดแพงกว่า JCB KRUNGSRI 10 บาท
ได้เวลากลับแล้ว ….
ที่สนามบินชางงี Singapore Airline จะมีเคาท์เตอร์อยู่ทั้ง T1, T2 ต้องดูว่าไฟล์ทเราต้องไปที่ไหน เช็คได้จากจอแสดงไฟล์ทในสนามบิน
จากนั้นเราสามารถไปที่ตู้ KIOSK เพื่อเช็คอิน ปริ้นท์บอร์ดดิ้งพาส ปริ้นแท็กติดกระเป๋า และไปต่อแถวเพื่อโหลดกระเป๋าเท่านั้น สะดวกรวดเร็วสำหรับคนที่ทำเป็น
เข้ามาในเกตแล้ว อยากลองใช้สิทธิ์เข้าเล้าจ์ฟรีด้วยบัตร JCB ดูบ้าง
ที่ T2 ในเว็บจะเขียนไว้ว่า The Green Market อยู่ข้าง Food Court ที่ชั้น 2
ใช้แล้วค่ะ TGM มันย่อมาจาก The Green Market !! ให้แสดงบัตร JCB แก่พนักงานแล้วเขาจะมีเมนูอาหารมาให้เลือก สามารถทานที่ร้าน หรือจะห่อก็ได้ค่ะ
ทางเราหอบหิ้วกันมากินหน้าเกต ? ได้บัตรละ 1 เมนูนะ เลือกเป็นซาชิมิรวม กับแซลม่อนย่าง อร่อย พรีเมี่ยมมากๆ อิอิอิอิ นอกจากในภาพก็ยังมีข้าวสวยญี่ปุ่น และมิโสะซุป ห่อมาให้ด้วยค่ะ
ขากลับได้นั่งเครื่อง Airbus A330-xxx เป็นเบาะ 3-3-3 ไม่มีอะไรให้เล่นมาก เครื่องดูเก่าด้วย แต่บริการดีสมมาตรฐาน
อาหารรอบนี้ฟังง่ายขึ้น เพราะแอร์พูดแค่ ฟิชกับชิคเก้น 555555
อันแรกเป็น ปลา ทานคู่กับมันบด และสลัด
อีกอันเป็นก๋วยเตี๋ยวไก่ พร้อมสลัดเช่นกัน
ทั้ง 2 เมนู เสิร์ฟพร้อมไอศครีม MINI Magnum รสวานิลา (ขออภัยลืมปรับ ISO)
และเราก็ถึงประเทศไทยอย่างสวัสดิภาพ พร้อมกับความฝนตก และกระเป๋าดีเลย์เกือบ 30 นาที เป็นการไปเที่ยวสิงคโปร์ดี 2 วันร่ม(เมฆเยอะมาก!) 2 วันแดดแผดเผา และถือว่าโชคดีมากที่ไม่เจอฝนเลย
ปล. ไว้ว่างๆจะมาเพิ่มรีวิวของเดือนมกราคมที่ไปกับมนุษย์เพื่อน 9 ชีวิต อยากพรีเซ้นร้านบะกุดเต๋แถวเกลังมาก เกลังมีแต่ร้านอร่อยๆ และวิธีไปสะพาน Henderson ด้วยค่ะ
คลิปสั้นๆที่ถ่ายลง Story ใน IG
[youtube https://www.youtube.com/watch?v=lXTTtGyy9xQ&w=560&h=315]