ขอนแก่น -> กรุงเทพฯ
กรุงเทพฯ -> คันไซ
คันไซ -> กัวลาลัมเปอร์
กัวลาลัมเปอร์ -> กรุงเทพฯ
กรุงเทพฯ -> ขอนแก่น
… ผมนี่นั่งเครื่องบินจนเหนื่อยเลยครับ
ทริปนี้ เป็นการเดินทางกับพี่นัท 2 คน
ที่นานที่สุด ครั้งแรก!
คงไม่มีไกลกว่านี้แล้วนะ เมื่อยก้นมาก T_T
ครั้งนี้ใช้เวลาในการตัดสินใจ 2 วัน
ซึ่งน้อยมาก อย่าเอาเป็นตัวอย่างนะ
ไม่มีเวลาแพลน ไม่มีเวลาเตรียมตัว
การจองตั๋วเครื่องบิน
*กดไลค์ไว้เลยนะ >> ติดโปร – PRO addict เพจที่ทำให้อยากเที่ยวตลอดเวลา
เจอโปรนี้เข้าไป แอร๊ยยยส์.. ถูกมาก!! ถ้าเราพลาดไป เราจะเจออีกตอนไหน?
นี่คือความคิดตอนนั้น ถ้าไม่ไปจะเสียใจไหม? …. แน่นอน เสียใจแน่!!
ปรากฏว่า เอาเข้าจริง ไม่มีราคานี้หรอก ไม่ทันเขา T-T
ตอนนั้นทั้งอิฟและพี่นัทยุ่งมาก เหนื่อย ปวดหัว ข้อมูลไม่มี เวลากระชั้นชิด
เอ๋อคู่ ไม่รู้จะทำอะไรก่อน ตั๋วเครื่องบินหรือโรงแรม (เพิ่งรู้ว่า Golden Week)
เอาล่ะ สรุปว่าจองตั๋วเครื่องบินก่อนละกันเนอะ!
ขาไป 2 May : 106 บาท (15.20-22.40น.)
ขากลับ 7 May : 5,045 บาท (11.00-22.00น. Transit at KLIA2 for 4hr.)
รวม ตั๋วเครื่องบิน ไป-กลับ 2 คน = 5,151 บาท เท่านั้น!
อ่านถูกต้องแล้ว ขาไป 106 บาทจริงๆ 😀 ใช้สิทธิ์จาก Kbank Air Asia credit card
ใช้ยอดครบ ได้ AirAsia E-Gift Voucher มูลค่า 8,000 บาท ก็ใช้ไปให้หมดเลย..
การจองโรงแรม
เมื่อวันหยุดคนไทย Vs วันหยุดคนญี่ปุ่น
บอกก่อนว่า 1.เป็นช่วงวันหยุดจองยากมาก 2.อย่าชะล่าใจ 3.รู้จักอดทน
พอเห็นค่าเครื่องถูกก็ดีใจนะ แต่กระเป๋าฉีกกับค่าโรงแรม พี่ซึ้ง..
ค่าโรงแรมแพงมาก แพงจนคุยกันว่า ‘นอนวัดกันมั้ยพี่นัท?’
เรื่องมันเศร้า ไม่ขอเล่า ต้องเจอกับตัวเองถึงจะเข้าใจอารมณ์ ฮือๆ
สรุปแล้วต้องจองแยกเป็น 2 โรงแรม ได้แก่
- Shin-Osaka Esaka Tokyu REI Hotel (Esaka Sta. #M11 Exit 9)
1 คืน = 5,150 บาท
โดยรวมแล้วถือว่าโอเคมาก ต่อสายรถไฟก็เดินไม่ไกล มีร้านอาหารหลากหลาย มันเป็นห้างด้วยแหละ ดีงามค่า โรงแรมนี้ปักหมุด!
- Rihka Nakanoshima Inn (Higobashi Sta. #Y12 Exit 10)
3 คืน = 12,072 บาท
มีร้านสะดวกซื้อถึง 2 ร้านใกล้ๆโรงแรม ตรงข้ามโรงแรมมี Starbucks และร้านข้าวหน้า 24 ชั่วโมงด้วย
Tips : หากจองห้อง Smoking ไว้ ถ้ามาเช็คอินเร็วสามารถขอเปลี่ยนเป็น Non-Smoking ได้
ด้วยความที่กลัวไม่มีที่พัก จองปุ๊บจ่ายเงินเลย
วันต่อมาก่อนเดินทาง ดูที่พัก อ้าวมีโรงแรมคืนละ 2,800 บาทโผล่มา
เสียจรัยยยยยยยย ถอนตัวไม่ทันแล้วสินะ
สรุปค่าใช้จ่าย ตั๋วเครื่องบิน+โรงแรม = 13,762 บาท/คน
การจองตั๋ว Universal Studio Japan
สามารถซื้อตั๋วที่ตู้กดในร้าน Lawson ทุกสาขา
แต่เราซื้อผ่านเว็บเลย ไม่อยากแลกเงินเยนเยอะ
http://www.usj.co.jp/e/ticket/
ราคาตั๋ว 1 Days คนละ 7,200 เยน (ส่วนลด 500 เยน วันเกิดพี่นัท)
ยัง.. ยังไม่พอ ไปทั้งทีขอเก็บให้หมด
ซื้อ Express® Pass 5 Attractions คนละ 4,700 เยน (ดูในลิงค์)
Tips : ไม่ต้องปริ้นกระดาษไปก็ได้ แค่เปิดภาพในมือถือให้เขายิง QR Code
หลังจากที่ได้ไปแล้ว คิดว่า Express ไม่จำเป็นเท่าไร
เพราะเครื่องเล่นที่ว่านาน ก็มีแค่โซน Harry Potter เท่านั้น รอนานสุดก็ 200 นาทีเอง! นั่งๆยืนๆเม้าท์มอยรอ แป๊บๆก็ได้เล่นแล้ว
เวลาทำการของ USJ ก็เปิดตั้งแต่ 9 am – 10 pm แหนะ มีเวลาเหลือๆ
นี่ยังไม่ถึงไหนเลยนะ หมดไป 2หมื่นกว่าเยนแล้ว
การเช่า Pocket Wifi ที่ญี่ปุ่น
เนื่องจากมีเวลาวางแผนไม่มาก
ถ้าจะเช่าจากที่ไทย ต้องใช้เวลาส่ง 3 วัน (ไม่ทัน!)
ดังนั้น จึงเลือกใช้บริการเจ้าเดิม http://japan-wireless.com
Order ผ่านหน้าเว็บ และขอให้ส่งไปที่โรงแรม
มี Powerbank ให้มาด้วย กี่แอมป์ไม่รู้
เวลาจะส่งคืน ก็ยัดใส่ซองที่เขามีให้มา แล้วหย่อนลงตู้ ปณ. ได้เลย
อันนี้ตู้ที่สนามบินคันไซ ส่งคืนตามเวลาที่เขากำหนดนะ
แต่ที่นี่ก็มี Osaka Free Wifi ต่อแล้วเล่นได้เลย อย่างว่า มันไม่คัก เสียเงินเช่าเอานี่แหละ ฮ่าๆๆๆๆๆ
มา.. เริ่ม !!
Day 1 .. DMK – KIX
AirAsiaX จากดอนเมืองไปคันไซ มีไฟล์ท 15.20 น. – 22.40 น.
มาฝากท้องที่ดอนเมือง เป็นข้าวกล่องที่ขายอยู่ร้านกาแฟดอยช้าง 65 บาท
เข้ามาใน Gate แล้ว ชาร์ตแบตมือถือตุนไว้ที่สแตนด์โทรทัศน์ อิอิ
ขึ้นเครื่องมาแล้ว กรี๊ดค่าาา ได้นั่ง Hot Seat ฟรี (Row 17)
เป็นที่นั่งเหลือเลือก เพราะคนเต็มลำแน่นอน
Tips : ไม่ต้องจองที่นั่ง ถ้าเลข Booking เดียวกัน มีโอกาสมากกกที่จะได้นั่งด้วยกัน
AirAsiaX มีบริการขายบัตรต่างๆ เช่น KEISEI SkyLiner,Osaka Kaiyakun,USJ
ผ่านไป 6 ชั่วโมง ก็มาถึงสนามบินคันไซ (KIX) แล้ว
ที่สนามบินมี FreeWifi@KIX ให้ใช้นะ
ถึงสนามบินคันไซดึก ทำยังไง?
หาที่นอนในสนามบินนี่แหละจ้า ฮ่าๆๆ ประหยัดค่าโรงแรม
ก่อนอื่นไปล่าผ้าห่มกันก่อน
ผ่าน ตม. มาแล้วมองขวา จะเห็น LAWSON ตรงดิ่งมาเลย
ที่ป้ายสัญลักษณ์ ? ตรงนั้น เข้าไปลงชื่อเพื่อยืมผ้าห่มได้ค่ะ
และต้องนำมาคืนก่อน 6 โมงเช้า ดี๊ดีย์
ต่อไปก็หาที่นอนกัน เดินหาที่เงียบๆ และมีปลั๊ก (สำคัญ!)
ไพรเวทโซนของเราคือ หน้าเคาท์เตอร์เช็คอิน ThaiAirways
ผ้าห่มนุ๊มนุ่ม ชอบบบ
นอนไปสักพัก มีเจ้าหน้าที่มาทำความสะอาดพื้น โฮฮฮ.. พลาดนิดหน่อย
ตั้งแต่นอนมา 3 สนามบิน ใน 2 ประเทศ
สนามบินคันไซนี่แหละดี มีผ้าห่มให้ แอร์ก็ไม่หนาวมาก
Day 2
Osaka Museum of Housing and Living – Osaka Castle – Namba
หลังจากตื่น ล้างหน้าแปรงฟัน และคืนผ้าห่มแล้ว
ก็ลงไปหาซื้อ Pass เพื่อความคุ้มค่าในการเดินทางเที่ยว
Tourist Information Center อยู่ชั้น 1F เปิด 7.oo am
Pass นี้ขายดีแน่เลย มีโบรชัวร์ภาษาไทยด้วย
เราจะเที่ยวกัน 3 วัน อีก 1 วันไป USJ เลยเลือกซื้อ
OSAKA Amazing Pass 2 Days = 3,000 yen
https://www.osaka-info.jp/osp/en/index.html
สามารถนั่ง subway + 28 attraction + discount ต่างๆ
(แต่อิฟกับพี่นัทใช้ไม่คุ้มเบยจ้า)
จากนั้นเข้าเมืองกัน ตามป้าย Railways ไปที่ชั้น 2F
มาซื้อบัตรรถไฟ โดยเช็คเส้นทางจาก Hyperdia.com ว่าสายไหนถูกสุด
สรุปว่าใช้ NANKAI line = 920 yen
ยัง งงๆ การใช้ตู้กด เลยไปซื้อที่เคาท์เตอร์กับเจ้าหน้าที่
บัตรหน้าตาเป็นแบบนี้ เหมือนบัตรรถไฟทั่วไป
พอมาถึงฝั่งเมือง ก็ต้องตัวใครตัวมันแล้วนะ ฮ่าๆๆๆๆ
แต่สำหรับที่พักของวันนี้อยู่ที่ ESAKA ต้องนั่งสาย MIDOSUJI สีแดง
ถึงแล้ว ออกทางออก หมายเลข 10 เลย
ที่พักเจ๋งมาก เป็นห้าง มีร้าน Tokyo Hand ร้านขนมคุมะมง ตอนเช้าคนนั่งรอคิวเต็มเลย
ทะลุมาด้านหลังก็เป็นห้างเล็กๆ มี Starbucks, UNIQLO, ABC Mart
ประมาณ 9 โมง หิวข้าวมาก เห็นเปิดอยู่ร้านนึง ไหนลองซิ
เห็นในรูปนึกว่าหมูสับ แต่จริงๆมันคือถั่วเน่า อื้อหือครั้งแรก รสชาติแบบบอกไม่ถูก
ไปต่อกันที่ Osaka Museum of Housing and Living
ดูป้ายดีๆนะ มีทางเดินทะลุมาจาก subway เลย
เข้าตึกแล้วกดลิฟต์ขึ้นชั้น 8
เป็นการจำลองวิถีชีวิตคนโอซาก้าสมัยก่อน (Indoor)
ทำดี๊ดี มีเฟดท้องฟ้ากลางวัน/กลางคืนด้วย
สามารถเช่าชุดกิโมโนใส่เดินถ่ายรูปได้ 200 yen แต่ต้องรอคิวนานหน่อย
มีชุดของผู้ชายด้วยนะ
ผ่านไปอย่างรวดเร็ว คนเยอะมาก ไม่ชอบบบ
ข้างๆตึก เป็นถนนสายช็อปปิ้ง มีขนมกับร้านค้า ชื่อถนนไรไม่รู้
ไม้ละ 70 yen ลองชิมดู เป็นแป้งกับซอสเค็มๆ..
ไปกันต่อเลย Osaka Castle
จากทางออกนี้ไกลมากกก สูบพลังพี่เหลือเกิน น้ำก็ยังไม่ได้อาบ ฮ่าๆๆๆ
แวะพักเป็นระยะ อิอิ
เดินไกลมากจริงๆ ไม่อยากคิดถึงขากลับ
คนที่นี่มาพักผ่อนเยอะดี เอาเสื่อมาปู มีถึงขั้นเอาเต๊นท์มากาง
กว่าจะถึงทางเข้า เหนื่อยมาก พักกินปลาหมึกด้านหน้าก่อน ไม้ละ 400 yen
พอเข้ามาถึงปราสาทชั้นใน กำลังจะมีการแสดงพอดี
เป้าหมายต่อไป ขึ้นไปชมวิวด้านบนกัน
มีลิฟต์น่าไม่ต้องห่วง แต่มีเฉพาะขาขึ้นนะ
ด้านล่างกำลังทำการแสดงพอดีเลย ยิงปั้ง!
แต่งตัวเป็นซามูไร ฮ่าๆๆๆๆ
อากาศเริ่มร้อนละ (20กว่าองศา -“-) ทำอะไรต่อดี เบื่อแล้ว
โผล่มา Namba กะว่าจะไปนั่งเรือ แต่คนเยอะมาก บายยยย..
หาไรกินดีกว่า Ichiran ราเมนข้อสอบ ลุย!
เดี๋ยวนะ เข้าห้องน้ำก็ต้องเลือกทิชชูหรอ ฮ่าาาๆๆๆ
กินเสร็จเลยไปเดินย่อยที่ร้าน Donki ของเยอะมาก
ต้องซื้อครบตามที่เขาระบุไว้ถึงจะได้ Tax คืน
จากนั้นจึงกลับที่พักไปเช็คอิน
subway มีขบวนสำหรับผู้หญิงด้วย ปลอดภัยดี
หาอะไรกินอีกรอบดึก ชั้นใต้ดินของที่พักมีร้านอาหาร 5-6 ร้าน ปิด 5 ทุ่ม
จัดๆ ข้าวไข่เจียว ไซส์ S ได้เยอะมาก อิ่มพุงจะแตก
Day 3
Hep Five – Shinsaibashi
วันนี้ตื่นสายหน่อย ร้านเปิดบ้างแล้ว หาอะไรกินที่ห้างหลังโรงแรม
หนวดปลาหมึกทอด กับ สเต็ก ได้ข้าวเยอะตลอด จุก
จากนั้นเดินช้อปปิ้งในห้างต่อจนบ่าย จึงเดินทางไปเช็คอินที่โรงแรมที่ 2
ระหว่างรถไฟใต้ดินก็มีห้าง/ร้านอาหารเยอะแยะน่ากินไปหมด > <‘
ถึงแล้ว แถวโรงแรมมีงานซ่อมแซมถนน แล้วดูที่กั้น จะคิขุไปไหน
ไปขึ้นชิงช้าสวรรค์ HEP FIVE กัน
ใช้บัตร Amazing Pass ขึ้นฟรี
หิวมาก กลับมาที่ Shinsaibashi อยากกินบัฟเฟต์
เดินหาอยู่นานแต่ร้านที่คนไทยแนะนำดันปิดวันนี้พอดี
เลยเซิทจาก http://www.gnavi.co.jp/en/ เจอร้านละแวกนั้น
จำชื่อร้านไม่ได้ อยู่ชั้น 4 ตึก IS
ราคาประมาณคนละ 3,000 yen + All you can drink เนื้อนุ่มมาก!
เดินเล่นมาถ่ายรูป ป้ายกูลิโกะ
จากนั้นจะกลับที่พัก ใต้สถานีรถไฟ น่าจะ Namba มี Gallery ด้วย
ตุนเสบียงตอนเช้าที่ร้านสะดวกซื้อใต้โรงแรมซะหน่อย
เจอขนมเกาหลีด้วย โอ้ยฮา #เที่ยวญี่ปุ่นอย่างไรให้เหมือนเที่ยวเกาหลี
คนเกาหลีมาเที่ยวญี่ปุ่นเยอะมากเลยนะ
Tips : ไม่ต้องเอาเสื้อผ้ามาเยอะ หนักกระเป๋า ซักที่โรงแรมก็ได้ มีเครื่องอบผ้าด้วย
Day 3
Kinkakuji Temple, Kyoto
แวะซื้อ Hunkyu Pass ที่หน้าสถานี Hunkyu (Umeda)
สามารถนั่งรถไฟสาย hunkyu line ครอบคลุม kobe – kyoto ราคา 700 yen
แค่นั่งไป-กลับก็ถูกกว่าซื้อตั๋วต่อเที่ยวแล้ว
Kyoto เป็นเมืองที่ไฟแดงเยอะมาก เซิทหาวิธีไปวัดทองยังไงให้เร็วที่สุด
นั่ง Hankyu line จากสถานี Umeda ไปลงสถานี Karasuma
จากนั้น เปลี่ยนเป็น JR ไปลงที่สถานี Kitakoji แล้วนั่งรถบัสต่ออีกนิดหน่อย
Bus Stop ‘F’ to Kinkakuji Temple
สาย 101,102,205 ลงตรงข้ามวัดแล้วค่อยข้ามถนนไป
ทาโกยากิน้ำ ขายที่ร้านหน้าประตูวัด
ถึงแล้ว วัดทอง Kinakakuji Temple คนเยอะมากกก มหาศาล
ขากลับสถานี นั่งฝั่งเดียวกับวัดนะ
ขากลับโอซาก้า นั่งสาย Limited จะจอดแค่บางสถานี เดินทางสั้นกว่านิดหน่อย
เซิทหาร้านจากเว็บเดิม เดินเล่นมาเรื่อยๆ
โซบะหนุบหนับ ข้าวปั้นก็สด ไม่ได้อวยนะ มันต่างกันมากจริงๆ ฮ่าๆๆๆ
ร้านอยู่ชั้น 8 เอ๊ะ ! หรือ 10 ไม่แน่ใจ
Day 4
Universal Studio Japan
วันนี้ไม่ได้เอากล้องไป เตรียมเล่นเต็มที่ ไม่อยากถือหนัก
แต่พี่นัทขาแพลง สงสารแฟน ต้องค่อยๆเดินช้าๆ
พี่นัทสู้มาก นั่งพักรอร้าน Matsumoto Kiyoshi ใน USJ เปิด 10 am
ได้สิ่งๆนี้มา พี่นัทบอกว่า ฉีดแล้วเย็นมาก ชาจนไม่รู้สึก
ถึงทางเข้าแล้ว รถไฟเหาะของ Hollywood มีวิ่งถอยหลังด้วย บาย..
การแสดง Minion รอบเยอะมาก
รู้สึกฟินพอเข้าโซน Hatty Potter หมู่บ้าน Hogsmeade น่าดึงดูดมาก
มุมนี้หลังร้านขายไม้กายสิทธิ์ สวยมากกกก สวยละมุนละไม กรี๊ดดด
รอชิม ButterBeer พนักงานถ่ายให้ อิอิ
โซน Wonderland โลกแห่งสีชมพู Kitty, Snooppy, Sesame
โซน New York ของขุ่นพี่ Spider Man
เครื่องเล่น Amazing Spiderman สนุกดี เหมือน Transformer
รถไฟขากลับ ลาย USJ น่ารักมาก
สรุป ทริปโอซาก้านี้ ‘ไม่สุด’ อาจเพราะไม่มีเวลาหาข้อมูล (ดูแต่ pantip)
ส่วนตัวแล้วทั้ง 2 คน อิฟกับพี่นัท ลงความเห็นว่า ‘คิดถึงโตเกียว’ 5555555555
แปะลิ้งค์ไว้ก่อนนะ https://instagram.com/eiffyxz/
Hashtag #EifJP